ยิ่งดู ยิ่งเข้าใจว่าสังคมเราต้องยอมรับความหลากหลายมากขึ้น
ติดตามซีรี่เรื่องนี้มาตั้งแต่ ss1 จนถึง ss4 ซึ่งทุกครั้งที่ดูจบ ก็มีคำถามผุดขึ้นมาตลอด การเล่าเรื่องเพศตรงๆ เปิดทุกหัวข้อ แฉทุกประเด็น แหวกทุกความรู้สึก ดูจบแล้วได้อะไร ? แล้วโลกใบนี้เปิดกว้างกับสิ่งนี้มากน้อยขนาดไหน และ มีคนกล้าที่จะลุกขึ้นมาพูดเรื่องพวกนี้ในสังคม หรือในครอบครัวได้อย่างไร ?
ถ้าเรื่องเซ็กส์เปิดกว้างได้แบบในหนัง สังคมเราจะมีปัญหาอีกมั้ยนะ ?
คำตอบที่สะท้อนกลับมา คือ มีแน่นอน เพราะว่าชีวิตเราคงไม่ได้มีแค่เรื่องเซ็กส์อย่างเดียว แต่ยังมีอีก 108-1009 ปัญหาที่จะวิ่งเข้ามาตลอดเวลา
นอกจากเรื่องเซ็กส์โต้งๆ ใน sex education แล้ว ในมุมของเรา เนื้อเรื่องพยามยามแทรกทั้งความรู้ ความจริง ความในใจ ความน่ารังเกียจ หรืออีกหลายความรู้สึก อีกทั้งตัวละครที่ใส่เอกลักษณ์และอัตลักษณ์มาอย่างไม่รู้จบ ไม่แน่ใจว่าเราสามารถติดตามเส้นเรื่องของเค้าได้มากน้อยขนาดไหน แต่ที่แน่นอนคือ หลายครั้งที่ตัวละครพูดความในใจที่ไม่กล้าเปิดเผยออกมา พร้อมกับความจริงที่บางครั้งไม่ได้น่ายินดีเท่าไหร่ แต่ต้องยอมรับ และเดินก้าวต่อ เรารู้สึกว่าบางช่วงบางตอนของซีรี่ย์ ได้สะท้อนคำพูดและการแสดงที่ค่อนข้างทรงพลัง เช่น คนที่โดนลวนลามแล้วลุกขึ้นมาพูด คนที่โดนบูลลี่แล้วเลือกที่จะเดินต่อ คนที่เป็นซึมเศร้าแล้วยอมรับการรักษา การขออนุญาตก่อนที่จะทำอะไรฝ่ายตรงข้าม การยอมรับผิดและขอโทษ การเผชิญหน้ากับความล้มเหลว เป็นต้น
ในซีรี่ย์มีตัวละครที่เราชอบส่วนตัว เพราะการเสนอมุมมองของคนเขียนบทและผู้กำกับ รวมไปถึงนักแสดง ไม่ว่าจะเป็น เอริก เสนอมุมมองของความเป็นอัตลักษณ์ของตัวเองและเส้นทางขรุขระที่ต้องเจอเมื่อออกมายอมรับกับสังคม ความกล้าที่ลุกขึ้นพูดต่อหน้ากรอบศาสนา หรือ เอมี่ เสนอมุมมองของคนที่เป็นเหยื่อโดยไม่รู้ตัว และโดนสังคมชี้ว่าเป็นความผิดของตัวเอง รนหาที่เอง เป็นต้น จริงๆ แล้ว มีตัวละครที่น่าสนใจเยอะมาก แต่สำหรับเรา เราชอบสองตัวละครนี้เป็นพิเศษ
ลองมองให้ใกล้ตัวมากขึ้น ทำไมความหลายหลายทางเพศ รวมไปถึงเนื้อเรื่องนี้ ไม่ได้ทำให้เหล่า LGBTQ+ ทั้งหลายเป็นตัวตลกแม้แต่น้อย และไม่ได้สร้างให้ตัวละครโง่แบบไร้เหตุผล แบบไม่มีที่มาที่ไป ไม่ได้ปิดบังความจริง ไม่บิดเบือนเรื่องที่ไม่อยากพูดถึง รวมไปถึงไม่ได้เอาคนพิการออกมาแสดงความน่าสงสาร แต่ปรับมุมมองของความหลากหลายและเส้นบางๆ ที่บังใต้ภูเขาน้ำแข็งในน่าสนใจและให้เข้าใจมากขึ้น ไม่ขอเปรียบเทียบกับซีรี่ย์ของที่ไหนทั้งนั้น แต่เราอยากบอกว่าความเป็นตัวตนของความหลากหลายนี้ไม่ใช่ตัวตลกของสังคม และไม่ได้ขอพื้นที่ให้ใครมาสนใจ เพียงแค่เป็นคนธรรมดาที่มีความชอบแตกต่างออกไปเท่านั้นเอง
เชื่อว่าปลายทางจากการดูซีรี่ย์นี้ คือการเสนอมุมมองของคำว่า “สื่อสาร” และ “การยอมรับ” ระหว่างกับตัวเองและกับคนรอบข้าง และในซีรี่ย์พยายามตะโกนบอกว่า แต่ละคน แต่ละสถานการณ์ มีปัจจัยในการขับเคลื่อนที่แตกต่างกันไป ดังนั้น คำตอบของเรา อาจจะไม่ใช่คำตอบของคนอื่น และเมื่อเราสามารถเดินต่อ เผชิญหน้า ยอมรับ และ ปรับมุมมอง จะทำให้ชีวิตมีภูมิคุ้มกันมากพอที่จะรักษาทั้งร่างกายและจิตใจในแบบฉบับของตัวเอง
อ่านข้อมูลเพิ่มเติม
เพศในปัจจุบัน https://themomentum.co/feature-the-abcs-of-lgbtqia/
หากสงสัยว่าตัวเองโดนละเมิด https://mappalearning.co/online-sexual-harassment/
Comments