top of page

South America : วาร์ปไปสุดขอบโลก ตอน 4


ความเดิมตอนที่แล้ว เดินเล่นอยู่บัวโนสไอเรส 1 วัน ก่อนบินมาลิม่า


อ่านตอนที่แล้ว 👇




Day 13 in Lima, Peru


เราบินถึงลิม่าช่วงเช้า หลังจากรับกระเป๋าเรียบร้อยก็เดินมาซื้อตั๋วแบบไป-กลับของ Airport Express Bus ซึ่งสะดวกมาก ๆ มีเจ้าหน้าที่พาไปที่รถแถมเช็คชื่อและจุดที่ลงด้วย




จากจุดที่ลงรถบัส เดินไป 5 นาที ถึง Inti Killa Hostel ที่จองไว้ ที่นี่เป็นบ้านที่นำมาดัดแปลงเป็น hostel เล็กกะทัดรัดแต่ปลอดภัย เจ้าหน้าที่ใช้ภาษาอังกฤษได้อย่างดี เราเลือกที่พักนี้นอกจากราคาน่ารักแล้ว ยังใกล้กับทะเลที่สามารถเดินไปได้ รวมถึงแหล่งร้านอาหารที่น่าสนใจด้วย


จุดจอดรถ airport shuttle bus เดินไปที่พัก ใกล้มากๆ

เช็คอินวางกระเป๋าเรียบร้อย ก็สอบถามพนักงานเรื่องร้านแลกเงินและร้านซื้อซิมการ์ด (ภาวนาว่า จะเจอ shop ที่ใช้ภาษาอังกฤษได้ จะทำให้ชีวิตง่ายขึ้นทันที) วันนี้เพื่อนแก๊ง power puff อีกคนนึงมาถึงก่อนแล้ว ไปเดินเที่ยวในเมืองเรียบร้อย ระหว่างทางเราหาร้านแลกเงินที่ร้านข้างทาง (ตามคำแนะนำของพนักงาน hostel) ได้เรทราคาที่ดี (1$=3.37 PEN หรือ เรียกว่า Peru sol) ได้เงินแล้วก็เดินไปซื้อซิมการ์ด ที่นี่เราเลือกยี่ห้อ Bitel Shop (เพื่อนที่มาก่อนได้ไปเดินหาเรียบร้อย และแนะนำก่อนเรามาถึง) ทำให้เราทำภารกิจ S Class ได้ภายใน 15 นาที


ได้ซิมการ์ดเรียบร้อย ก็นั่งแท็กซี่ไปหาเพื่อนที่ย่านเมืองเก่า Cercado de Lima ตรงแหล่งท่องเที่ยว Plaza De Armas De Lima ที่เป็นจัตุรัสศูนย์กลางเมืองประวัติศาสตร์ รายล้อมด้วยวิหารเก่าแก่สำคัญมากมาย ไปอ่านเจอมาว่ามีน้ำพุโบราณและสุสานนักสำรวจอยู่ข้างใน แต่ไม่ได้เดินเข้าไปดู ในอดีตบริเวณนี้เป็นทั้งตลาด สนามสู้วัวกระทิงและที่แขวนคอนักโทษอีกด้วย (ใช้ประโยชน์ได้หลายฟังก์ชั่นมากๆ) ที่จัตุรัสนี้ได้ชื่อว่า Ciudad de los Reyes” (City of Kings) ได้รับเป็นมรดกโลกโดย UNESCO ในปี ค.ศ. 1988 (ที่มา : https://whc.unesco.org/en/list/500/)




มาที่นี่ดูเหมือนจะเป็นจุดสนใจของคนเมืองที่นี่ มีมาขอถ่ายรูปกันยกใหญ่ (และเช่นเคย เราคือของแปลกสำหรับที่นั่น ถ้ามองให้ดีคือไม่มีพวกผิวเหลืองหน้าเอเชียในบริเวณนั้นเลย)


ผู้คนดูยิ้มแย้มแจ่มใสและมีตำรวจคอยดูแลอยู่ใกล้ๆ แต่ก็ไม่ประมาทคอยระมัดระวังตัวพวกมิจฉาชีพด้วย บริเวณถนนคนเดิน Jirón de la Unión จะมีคนขายของตามท้องถนน เมื่อปฎิเสธไม่ซื้อของเค้า เค้าจะไม่ตื๊อ ดูสุภาพ

(รูปต่างๆ ถ่ายรูปกับคนท้องถิ่น และ ภาพแถวจัตุรัส)








รอบจัตุรัสนี้ มีวิหาร อาคารและโบสถ์สำคัญรายล้อมทั้งสี่ด้าน (แต่ดูเหมือนๆ กันหมดสำหรับเรา) เราเข้ามาดู Basílica y Convento de San Francisco de Lima คนละ 10 sol เป็นโบสถ์สไตล์บาร็อคของสเปนที่สร้างในช่วง ค.ศ. 1538 มีการดูแลสถาปัตยกรรมในสภาพที่สมบูรณ์อยู่ (ที่เหลือไปอ่านประวัติกันเอาเองละกัน /ปาลิ้ง











ใช้เวลาแถวจัตุรัสนี้ไปพอสมควร แล้วเดินไปหาข้าวเย็นกิน คืนนี้ เราแพ็คกระเป๋าเตรียมตัวไปเมืองกุซโก วันพรุ่งนี้



Day 14 in Cusco, Peru



ตื่นแต่เช้ารีบไปสนามบิน เกรงว่ารถจะติดเหมือนตอนขาเข้าเมือง เราบินด้วยสายการบิน Sky Airline เป็นสายการบินภายในประเทศที่ใช้เวลาบินจากลิม่า ถึง สนามบินกุสโก ประมาณ 1.30 ช.ม. เราขอให้ที่พักช่วยเรียกแท็กซี่แบบรับ-ส่ง ระหว่างสนามบินกับที่พักให้ด้วย ซึ่งราคาน่ารักมาก คนละ 10 sol เท่านั้น หรือถ้าใครอยากลองเรียกแท็กซี่เอง ออกไปข้างนอกตามแนวกั้นมีมากมายให้เลือกสรร อ่านวิธีที่นี่ได้ https://www.peruhop.com/cusco-airport-general-information-and-useful-tips/


photo credit: https://www.peruhop.com/cusco-airport-general-information-and-useful-tips/

ความสนุกที่หน้าสนามบินได้เริ่มขึ้นแล้ว


เมืองกุสโกเป็นเมืองใหญ่บนเทือกเขาระดับความสูง 3,300 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล ซึ่งในอดีตกุซโก แห่งนี้นั้นถือได้เป็น “เมืองหลวง” ของอาณาจักรอินคาที่เต็มไปด้วยวัฒนธรรมอินคาโบราณที่คงอยู่ ปัจจุบันกุซโกเป็นเหมือนประตูเมืองท่องเที่ยวไปตามจุด highlight ต่างๆ เช่น Sacred Valley, Machu Picchu, Rainbow Mountain เป็นต้น (แต่เราไม่ได้ไป Sacred Valley เพราะคิดว่า 2 ที่ท่องเที่ยวก็กระอักแล้ว)


*แนะนำ*

  • ก่อนเดินทางขอให้เตรียมตัวเรื่องภาวะความกดอากาศต่ำ ทำให้หายใจลำบาก ควรปรับร่างกายโดยให้ชินกับความสูงที่ลิม่าซัก 1-2 วันก่อนมาเมืองนี้

  • ยา Diamox ควรกินก่อน 36-48 ชั่วโมง บางคนกิน 125 mg บางคนกิน 250 mg เพื่อป้องกัน Altitude Sickness ทั้งนี้ควรไปปรึกษาแพทย์ก่อนกินยาด้วยนะฮะ ตอนแรกเพื่อนเราจะกินสี่เม็ด ดีนะที่เตือนก่อนไม่งั้น นอนชักตัวชาฉี่แตกคาที่นอน อยู่ที่กุซโกหาคนช่วยไม่ได้แน่ๆ

  • อาการ Altitude Sickness เกิดจากร่างกายที่ไม่สามารถปรับตัวให้อยู่ในภาวะที่มีออกซิเจนน้อยได้ ทำให้เกิดอาการปวดหัว นอนไม่หลับ เหนื่อยง่าย ฯลฯ ซึ่งถ้าอาการรุนแรงอาจตายได้

  • เมื่อกินยาแล้ว จะเกิดอาการชาแล้วแต่ส่วนของร่างกาย ของเราเป็นที่นิ้ว ของเพื่อนเป็นที่แขนและขา ส่วนอีกคนเป็นที่ก้น ขึ้นอยู่กับว่าใครจะโชคดีไปชาตรงไหน นอกจากอาการชาแล้วยังทำให้เกิดการปวดฉี่บ่อยด้วย

  • อยู่ที่กุสโกต้องเดินให้ช้า หายใจให้ช้า


ตามข้างทางที่เห็น หลายบ้านประดับธงหลากสี ซึ่งเราคิดว่าเค้าเป็น LQBT-friendly แต่ ไม่ใช่ ที่จริงแล้วคือธงประจำท้องถิ่นของเมืองกุสโก


เราเลือกนอน Muyucmarka Hospedaje Familiar เป็น Guest house ที่ตั้งอยู่บนเขา ไม่ห่างจากเมือง ข้างนอกดูแบบอิหยังว๊ะ แต่พอเดินผ่านประตูเข้ามาแล้วดูโอเคเลย เหมือนเดินสู่อีกมิติหนึ่งของเมือง



เมื่อถึงแล้วทักทายกับเจ้าของบ้านพักที่พูดภาษาอังกฤษได้อย่างดี เค้าบอกว่าที่บ้านนี้ สามารถใช้พื้นที่ส่วนกลางได้ คือ โต๊ะกินข้าว และ ห้องครัว!! (ซึ่งตอนแรกเราก็ไม่ได้คิดว่าจะใช้ครัวของเค้า เพราะหาอาหารกินข้างนอกอยู่แล้ว) ทำการจ่ายเงินและเก็บกระเป๋าเข้าห้องเรียบร้อย เตือนให้ทุกคนกินยา diamox กันให้เรียบร้อย เราพักที่นี่ 4 คืน ค่าที่พักคนละ 215 sol (ราคาค่าที่พักคือถูกมากๆ แถมห้องพักใหญ่เพียงพอสำหรับกระเป๋าหลายใบ และอยู่ได้สามคน ยกเว้นห้องน้ำที่ระดับน้ำอุ่นไม่คงที่)



วันนี้ เราตั้งใจว่ามาปรับสภาพร่างกายให้เหมาะกันภูมิอากาศบนเทือกเขา ตามข้างทางมีป้ายตัวอัลปาก้าป่วย ดูเหมือนทุกคนจะต้องการยา ใครลืม diamox ก็จัดชุดนี้ไปได้ (แต่ไม่แน่ใจว่าเค้าพูดภาษาอังกฤษได้รึเปล่านะ)


เดาว่ายาแก้ป่วยนี้ มีส่วนผสมของใบโคคาที่จะทำให้เมาๆ หน่อย

นอกจากนี้ ตามตรอกซอกซอยที่เดินไป จะเห็นร้านอาหารท้องถิ่น มีมั้งเนื้ออัลปาก้า หนูแก้สบี้ เป็นอาหารหลัก (ไม่กล้าลองหนูแก้สบี้ สงสาร) พวกเราได้ลองลิ้มรสเนื้ออัลปาก้าไป ใครใคร่ลองขอให้เตรียมใจไว้ เพราะ"มัน-เหนียว-มาก"




หลังจากเติมพลังแล้ว ก็เดินไปที่จุดแลกตั๋วขึ้นมาชูปิกชูก่อน


*แนะนำ*

  • ที่จุดแลกตั๋วนี้ควรเช็ครายละเอียดทั้งตัวสะกด ชื่อ-นามสกุล เลข passport ให้ถี่ถ้วน

  • ควรเป็นสิ่งแรกที่มาถึง เพราะเจ้าหน้าที่ที่ดูแลมีจำนวนน้อย

  • ถ้าไม่ได้จองตั๋วออนไลน์ล่วงหน้ามา มีร้านให้บริการจำนวนมากๆ รอบๆ ตัวเมือง (ราคาไม่ค่อยแตกต่างกันเท่าไหร่)









เราเดินช้าๆ หายใจยาวๆ ไปชมสถานที่สำคัญรอบๆ เมือง ในระหว่างที่เดินชมเมืองก็คุยกันเรื่องการทำกับข้าวมื้อค่ำ (เพราะไม่อยากกินเนื้ออัลปาก้าอีก) รวมถึงการใช้ครัวของที่พัก วิญญาณเชฟกระทะเหล็กแห่งวังหลวงเข้าร่างพวกเราทั้งสาม เดินหาซุปเปอร์มาเก็ตช้อปอาหารสดกลับมาที่พัก






กับข้าวที่ทำเองกับมือ ร้อนๆ ท่ามกลางอากาศหนาวจัด ถือว่าดีมากๆ คืนนี้พวกเราต้องรีบนอนเพื่อเตรียมตัวให้พร้อมกับการเดินทางไปมาชูปิกชู ซึ่งทัวร์แจ้งว่าจะมารับตรงเวลา เพื่อไม่ให้ไปกระทบเวลารับนักท่องเที่ยวคนอื่นสายด้วย


Comments


bottom of page