top of page

South America : วาร์ปไปสุดขอบโลก ตอนจบ


บทสุดท้ายของทริปข้ามขอบโลกแล้ว รับพลังธรรมชาติเติมเต็มชีวิตตลอดการเดินทาง


อ่านตอนที่แล้ว 👇


Day 19 in Amazon Rainforest, Peru


เช้านี้ ไกด์มาปลุกตอนตี 5 ล้างหน้าแปรงฟันออกมากินข้าวเช้าก่อน แผนของวันนี้คือล่องเรือเช้าดูพระอาทิตย์ขึ้น เผื่อเจอสัตว์แปลก เจอแต่โลมาชมพู ซึ่งถือเป็นเรื่องปกติที่โลมาชมพูจะว่ายเข้ามาหาเรือ เหมือนเห็นอาหาร อากาศในป่าตอนเช้าสดชื่นมาก ๆ เงียบสงบไม่มีแม้แต่เสียงสัตว์ใด ๆ (สงสัยว่ายังหลับอยู่) พวกนกที่หาอาหารตอนเช้าก็ไม่ส่งเสียงโหวกเหวก ถ้าพวกเราอินกับการดูนกในป่านี้น่าจะตื่นเต้นมากกว่านี้ เพราะมีนกป่าหลากหลายพันธุ์ให้นั่งส่อง ไกด์ก็พยายามชี้ให้ดูว่าพันธุ์นี้ชื่ออะไร หายากยังไง ซึ่งพวกเราก็ อืม ๆ โอเค ผ่าน

ไกด์พาเราไปล่องเรือลึก ๆ เข้าไปในป่าแบบไปกลับประมาณ 2 ชั่วโมง กลับมาที่พักเก็บของ ทำธุระให้เรียบร้อย ก่อนที่จะเดินทางเข้าไปพักกลางป่า


ก่อนเดินทางต้องจัดให้หนัก

จุดนี้ เป็นจุดรับสัญญาณมือถืออ่อนๆ ในบ้านพัก แต่สุดท้ายไม่สามารถติดต่อสัญญาณปลายทางได้
นอนพัก ก่อนเดินทางไกล

พวกเราออกจากที่พักประมาณ 9.30 น. ค่อย ๆ ล่องแม่น้ำเข้าไปนานมาก ประมาณ 3 ชม รู้สึกถึงความลึกกลางใจป่าดิบชื้นแบบไม่มีอะไรมากั้น ฝนตกหนักสลับหยุดนิ่ง สองข้างทางอุดมไปด้วยต้นไม้สูงใหญ่หลากหลายพันธุ์ ที่ผสมผสานระหว่างต้นไม้สูง ต้นไม้เลื้อย ทำให้เพื่อนในแก๊ง power puff ถึงขั้นเอ่ยปากว่า ภาพตรงหน้าแบบนี้สามารถเอาไปปรับใช้เป็น forest landscape design ได้อย่างดี



พวกเราล่องเรือไปเรื่อย ๆ จนมาถึงจุดตั้งแคมป์ ไกด์บอกว่าคืนนี้เรานอนตรงจุดนี้ แต่ก่อนที่เราจะประกอบเต็นท์และอุปกรณ์ดำรงชีวิต ไกด์จะพาไปเดินสำรวจพื้นที่รอบ ๆ จุดที่เราจะนอน

พายเรือเลาะแม่น้ำเล็กๆ ไปออกอีกทางหนึ่ง

ซึ่งจากจุดตรงนี้มีแอ่งน้ำแคบที่จะพาเราไปอีกจุดหนึ่งข้างในป่าลึก ๆ เลย ตอนพายเรือไปก็มีทั้งนก ทั้งลิงจิ๋ว คอยส่งเสียงและสอดส่องพวกผิวเหลืองจากบนยอดไม้ ล่องเรือวนรอบพื้นที่แล้วนั่งเรือไปตกปลา เผื่อเอาไปทำอาหารเย็นกัน


ตกปลาฆ่าเวลา
น้ำนิ่งๆ นี่ แอบน่ากลัวเบาๆ

อากาศตรงนี้ดีมาก ได้ฟอกปอดขั้นสุดจริง ๆ


อากาศที่ดีที่สุดใจกลางป่าแอมะซอน

กลับมาตั้งเต็นท์ กินข้าวตอนบ่ายสองครึ่ง (ตอนนี้หิวมาก) จัดการเรื่องพื้นที่ทั้งที่นอน ห้องน้ำ อาหาร



เป็นห้องน้ำที่ เข้าไปล้างยังไงก็ยังเปรอะอยู่ดี



รับบทเป็นนายพรานฆ่าเสือดำโดนจับในป่าดิบ
สำรวจป่ารอบๆ ที่พัก
แม่น้ำเล็กๆ ที่เลาะไปออกอีกด้านหนึ่งของป่า ซึ่งไม่รู้คือที่ไหน

แล้วก็ลงเรือไปสำรวจป่ารอบนอกอีก 1 ชม ทุกครั้งที่เราออกเรือไปมีความคาดหวังเล็ก ๆ ว่าจะได้เจอสัตว์ป่าทั้ง สลอทกับอนาคอนด้า แต่ไม่เจออะไรเพิ่มเติม นอกจากน้องโลมาชมพูว่ายมาให้เห็นเรื่อย ๆ กลุ่มลิงป่านานาสายพันธุ์ กระโดดไปมาอย่างสนุกสนาน และนกป่าใหญ่เล็กสายพันธุ์ต่าง ๆ บินไปมา





ต้นไม้ยักษ์นี้มีตำนาน ซึ่งไกด์เล่าถึงความเชื่อในอดีต ถ้าคนป่าในหมู่บ้านทำผิดกฎ จะถูกปิดตานำมาปล่อยในกลางป่าใหญ่และให้อาศัยใต้ต้นไม้ศักสิทธิ์นี้ ถ้าทำผิดจริงเจ้าป่าเจ้าเขานำลงโทษตามกฎธรรมชาติเอง แต่ถ้าไม่ผิดเค้าจะอยู่รอดปลอดภัย



ภาพเดียวที่เรามีกับ โจนาธาน ลูกชายหัวหน้าเผ่า

กลับมาตอนค่ำ แบบค่ำมาก พวกเรากินมื้อเย็นบนเรือ ซึ่งในช่วงกลางคืนมืดมาก ๆ แทบไม่เห็นอะไรเลย ต้องเปิดไฟฉายกินข้าว


เป็นช่วงเวลาที่สนุกดี ไกด์พยายามอธิบายนู่นนี่เป็นภาษาสเปน โจนาธานก็แปลเป็นอังกฤษ เราสอนพูดภาษาไทย รวมถึงบรรยากาศกินข้าวที่มีเสียงสัตว์ป่าคอยส่งเสียง ฮัมเพลงธรรมชาติอยู่รอบตัว (อย่าถามว่าอาหารที่กินคืออะไร พวกเราก็ไม่รู้เหมือนกัน รู้ว่าเอามาม่าให้ไกด์ช่วยต้มกินเป็นการปรุงรส ซึ่งไกด์ทั้งสองดูจะชอบเป็นพิเศษซดน้ำต้มยำกุ้งแบบไม่เหลือ) หลังจากกินข้าวเสร็จ ไกด์ให้พวกเราอาบน้ำ และจัดการธุระส่วนตัวให้เรียบร้อย


ก่อนพาไปล่องเรือยามดึก รอบนี้ตั้งใจไปหาจระเข้เคย์แมน ที่อาจจะนอนหลับอยู่ริมแม่น้ำ ไกด์พายเรือล่องไปเรื่อย ๆ ใช้เวลาไปกลับประมาณ 2.30 ชม ซึ่งในระหว่างนั้นพวกเราไม่ค่อยกล้าขยับตัวเท่าไหร่ กลัวเรือคว่ำ เพราะเรือไม้เล็ก ๆ โครงเครงและที่สำคัญ มัน-มืด-มาก ไม่รู้ว่ามีตัวอะไรว่ายอยู่รอบ ๆ พวกเราบ้างรึเปล่า (ไกด์บอกว่า ห้ามเปิดไฟฉายส่อง เพราะเค้าจะได้ดูว่าเห็นอะไรในแม่น้ำรึเปล่า) ท่ามกลางคืนดึกสงัด เสียงร้องของสัตว์ยามค่ำส่งเสียงเบา ๆ และอากาศเป็นใจมาก ฝนไม่ตก ท้องฟ้าชัดมาก ดาวเป็นล้าน เป็นสิ่งที่ไม่เคยเห็นชัดขนาดนี้

photo credit : https://theculturetrip.com/south-america/argentina/articles/15-incredible-places-to-sleep-under-the-stars-in-south-america/

เราล่องเรือตามแม่น้ำสายใหญ่ไปช้า ๆ เจอเคย์แมนจิ๋วไกล ๆ แค่สาดไฟฉายไปก็กระโดดหนีลงน้ำอย่างรวดเร็ว ไกด์บอกว่าเราโชคดีมากที่อากาศดีขนาดนี้ อธิบายเรื่องดวงดาวต่าง ๆ และบอกให้เราพยายามเงียบ ลองฟังเสียงธรรมชาติที่ควรรักษาเอาไว้ เป็นสิ่งดีมาก เราหยุดคุยและฟัง เป็นเพลงกล่อมนอนชั้นดี


ล่องเรือกลับมาถึงแคมป์ก็จัดการเข้าเต๊นท์ โจนาธานบอกให้รีบนอนเพราะพรุ่งนี้ไปดูพระอาทิตย์ขึ้นที่ปลายแม่น้ำ ซึ่งช่วงนี้คือวายป่วงมาก ยุงป่าตามแบบติดตัว ตบเท่าไหร่ก็ไม่ตาย ต้องพยายามป้องกันสุดชีวิตไม่อย่างนั้นตายคาเต๊นท์แน่ คืนนี้ใช้สเปรย์กันยุงหนักมาก ไล่ได้ทุกชนิดทั้งยุงและแมลง ก่อนเคลิ้มหลับไปกับเสียงป่า มีปลาโลมามาพ่นน้ำอยู่ข้าง ๆ เต็นท์ (นอนริมแม่น้ำ) มีกบยักษ์หน้าเต๊นท์นั่งมองหน้าเหวี่ยงอยู่ มีลิงกระโดดอยู่บนหัว ที่น่าแปลกที่สุดคือ ไม่มีงูให้เราเห็นเลยแม้แต่ตัวเดียว


Day 20 in Amazon Rainforest, Peru

วันนี้ตื่นตีห้า ฝนตกกำลังชุ่มเลย พวกเราลุกขึ้นมาล้างหน้าและกินข้าว ก่อนไปล่องเรือตอนเช้าดูพระอาทิตย์ขึ้น แต่ไปไม่ทัน เลยเปลี่ยนแผนเป็นการดูสัตว์ป่าตอนเช้า ตอนขากลับเห็นน้ำนิ่ง ๆ โจนาธานหันมาบอกว่าสามารถกระโดดเล่นน้ำตรงนี้ได้ พวกเราหัวหน้ามองกันและส่ายหน้า ไม่กล้าพอที่จะโดดน้ำในป่าแอมะซอน 555


ล่องเรือตอนเช้าใช้เวลาไปกลับประมาณ 2 ชม แล้วกลับมาแพ็คของลงเรือใหญ่กลับ ล่องเรือดูสัตว์นู่นนี่ ในระหว่างทางกลับไกด์พาขึ้นเรือเล็กพายเข้าไปอีกทาง เพื่อไปแหล่งปลาปิรันย่า เราก็ไม่คิดว่าจะเจอ ก็นั่งตกปลาแบบไม่คาดหวังไปเรื่อย ๆ ปรากฎว่าตกปิรันย่าได้ 3 ตัว



ที่น่าสนใจคือ ปิรันย่าเป็นปลาดุที่ฉลาดมาก กินเหยื่อเงียบ ๆ วิธีตกปลาคือ เมื่อเห็นสายเบ็ดโดนดึงเบา ๆ ให้กระตุกเบ็ดขึ้นมาทั้งหมดทันที ปลาจะงับเหยื่อและรีบปล่อยแบบเร็วมาก โดยไม่โดนเบ็ดเกี่ยวปาก ไกด์โชว์วิธีจับปลาให้ถูกวิธี ไม่งั้นอาจโดนงับนิ้วแทน เราเอาปลาวางไว้บนเรือที่มีน้ำ (รั่ว) อยู่พอประมาณ ทำให้ปลาพอจะว่ายไปมาใต้ขาเราแบบไม่ตาย หลังจากถ่ายรูป (แบบไม่ทรมานปลา) ได้พักนึง ก็ปล่อยปลาลงน้ำทั้งหมด ไม่เอามากิน




หลังจากนั้น เราตรงกลับที่พักแรก ซึ่งคิดว่าจะมีตัวสลอทให้เห็นในหมู่บ้าน เป็นความเข้าใจผิดการสื่อสารระหว่างเรากับไกด์ ซึ่งเราบอกว่าอยากไปตลาดท้องถิ่นก่อนกลับเข้าเมือง ไกด์เข้าใจว่าเราอยากซื้อของท้องถิ่น จึงบอกชาวบ้านให้เอาของทำมือมาขาย เมื่อเราไปถึงหลายคนเริ่มวางของขายวางตามพื้น (ไม่กล้าถ่ายรูป) ซึ่งดูแล้วไม่น่าสนใจ จึงเดินออกมา

พวกเรากินข้าวเที่ยงบนเรือ และต้องแวะไปเซ็นชื่อออกที่อุทยานด้วย ในระหว่างกลับเข้าเมือง เจอทั้งฝนตกหนัก และแดดแรง สลับกันไปมา ตลอดระยะเวลา 3 ชม.กว่า ตอนนี้พวกเราสามคนไม่ป่วยตายถือว่าแข็งแรงมาก ๆ


กลับมาถึงท่าเรือตอนเย็น ขนของขึ้นตุ๊ก ๆ ต่อรถกระบะ เพื่อกลับไปที่โรงแรมเดิมอีกครั้ง เราถึงที่โรงแรมประมาณ 3 ทุ่ม พลังงานของทุกคนหมดเกจและเพลียมาก

รุ้งซ้อนรุ้ง

Day 21 in Iquitos, Peru


วันนี้เรามีเวลาว่างช่วงครึ่งเช้า ดำเนินชีวิตช้าๆ และตั้งใจไปชมศูนย์ดูแลสัตว์ป่า Manatee Rescue Center ถือเป็นโอกาสสุดท้ายที่จะเจอสัตว์ที่ต้องการเห็น เราให้คุณจิมช่วยจัดการต่อรองค่ารถไปสนามบินและศูนย์ฯ แบบซับซ้อนซ่อนเงื่อนไปกลับสลับหลายปลายทาง สรุปได้ที่ 80 sol เป็นราคาที่รับได้ ที่ศูนย์ดูแลสัตว์ป่านี้ อยู่ไม่ห่างจากสนามบิน โดยมีค่าเข้าชมคน 40 sol โดยมีไกด์ในศูนย์ให้ความรู้เรื่องราวของสัตว์ป่าต่าง ๆ ในที่สุดเราก็ได้เจอน้องสลอท นอนหลับในกรง ไม่เจออนาคอนด้า แต่ได้เจอน้องพะยูนเด็กขี้นเล่นแทน น่ารักมาก ใช้เวลาเดินเล่นประมาณ 1.30 ชม ก่อนไป สนามบิน กลับ Lima



สวนสัตว์เปิดมากๆ

น้องสลอท นอนตลอดเวลา



Day 22 – 24 in Lima, Peru

พวกเราแวะพักที่ Lima อีกหนึ่งคืน โดยพักโรงแรมเดิม และใช้ตั๋ว Airport Shuttle Bus ได้อีกรอบ ที่พักจำพวกเราได้และใจดีอัพเกรดห้องให้ พวกเรารู้สึกโชคดีมากที่ได้เจอแต่คนดี ๆ เรื่อง ๆ เรามีเวลาพักกายหยาบแบบช้า ๆ ลองหาร้านอาหารท้องถิ่นกิน




ช่วงเวลาที่ต่อนยอนได้ พวกเราไปตามแหล่งท่องเที่ยงต่าง ๆ ที่อยู่ในสถานที่แนะนำ รวมถึงแวะไปช้อปปิ้งที่ INKA Market ตลาดท้องถิ่น (เหมือนจตุจักรบ้านเรา) ใครพลาดซื้อของที่กุซโกก็มาซื้อที่นี่ได้ มีเหมือนกันหมด และขายของเหมือนกันทุกร้าน ต่างกันแค่ราคา (แนะนำให้ซื้อที่ คุซโคเลยดีกว่า ราคาถูกกว่า)

ลองกินอาหารพื้นเมืองเรียกว่า Ceviche Dish เป็นอาหารทะเลสด กันน้ำมะนาวปรุงรส อร่อยดี




บทส่งท้าย


การเดินทางกลับด้วยสายการบินภายในอเมริกาใต้ โดยมากจะเลทกว่าเวลาที่กำหนดแทบทั้งหมด แล้วแต่ว่าจะเลทมาก หรือ เลทน้อยเท่านั้น หากว่าใครต้องต่อเครื่อง ควรเผื่อเวลาให้เยอะ ปลอดภัยสุด ที่นี่หลายสายการบิน ให้บริการตัวเอง ทั้งปริ้น Boarding Pass เอง และ แปะกระเป๋าเดินทางเอง พนักงานเพียงแค่รับกระเป๋า Drop luggage & Check through เท่านั้น ง่าย สบาย ประหยัดเวลา คำแนะนำที่เหมาะที่สุดสำหรับคนที่จะเดินตามรอย คือ เตรียมร่างกาย และ เวลา และ เงิน ให้พร้อมจะเที่ยวได้อย่างสนุกและปลอดภัย


พวกเรากลับถึงไทยโดยสวัสดิภาพ ด้วยประสบการณ์ที่มากกว่าคำว่าดีเยี่ยม เป็นครั้งหนึ่งในชีวิตที่ได้เจอเรื่องราวดี ๆ จากการท่องเที่ยวเอง ไม่ว่าจะเป็นสภาพอากาศ ผู้คนที่เราเจอ คนที่เราได้สนทนาด้วย ที่พัก ร้านอาหาร สถานที่ท่องเที่ยว


การเดินทางครั้งนี้ ทำให้เราค้นพบว่า เราคือหน่วยเล็กๆ ในธรรมชาติอันกว้างใหญ่ของโลกใบนี้ ถ้ามีกำลังมากพอก็อยากจะรักษาให้ทุกอย่างคงไว้อย่างที่มันควรเป็น ขณะที่เราเองก็หันมาลด-ละ-เลิก สิ่งต่างๆ เพื่อรักษามันไว้นานๆ


การเดินทางไกลครั้งนี้ เป็นเนื้อหาบทใหม่ในช่วงชีวิตที่มีคุณค่าและมีชีวิตชีวา

ขอบคุณเป็นพิเศษ

  • ขอบคุณเพื่อนร่วมเดินทางตลอดทริปของเรา ที่ช่วยกันวางแผนเที่ยวทางไกล

  • ขอบคุณที่ร่วมเดินทางอย่างทรหดไปตามสถานที่ต่าง ๆ กินอาหารแปลก ๆ และหลงทางอย่างอดทน

  • ขอบคุณทุกความโชคดีที่เราได้มีโอกาสเจอแต่คนดีๆ ที่คอยช่วยเหลือในตลอดการเดินทางของทริปนี้

  • ขอบคุณเจ้านายที่ให้เราได้หยุดพักร้อนมากพอที่จะออกเดินทางไกล ระยะเวลาร่วมเดือน

  • ขอบคุณตัวเอง ที่แบกร่างไปทุกสถานที่ได้อย่างปลอดภัยและสนุกสนานไปกับทุกบรรยากาศ แม้ว่าบางทีจะขรุขระ บางทีไม่ปลอดภัย แต่ไม่เสียใจที่ได้ไปทุกที่จริงๆ


บทต่อไป เราจะโดดไปนอนที่ปล่องภูเขาไฟ Mount Nyiragongo และ ไปนอนในป่าให้กอลิล่ากอดที่ "คองโก" ใจกลางของแอฟริกา



บันทึก 29/12/2019

ปิ๊กมี่ หลงไปไหน

Σχόλια


bottom of page